วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เมด อิน สวิตเซอร์แลนด์

ผู้ ประกอบการรายใดในสวิตเซอร์แลนด์ที่ผลิตสินค้าแบบสั่วๆ ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานสวิส แล้วยังกล้าอวดอ้างตีตราสินค้าของตัวเองว่า "เมด อิน สวิตเซอร์แลนด์" เมื่อเห็นรายงานชิ้นนี้ก็คงจะหนาวๆ ร้อนๆ กัน เพราะรัฐบาลสวิสกำลังจะปรับแก้ไขกฎระเบียบในการอนุญาตให้ตีพิมพ์ป้ายสินค้า ว่า "เมด อิน สวิตเซอร์แลนด์" และโลโก้กางเขนสีขาวบนผืนธงสีแดง (ธงชาติสวิส) ลงบนผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อปกป้องภาพพจน์ชื่อเสียงสินค้าสวิสที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสินค้าคุณภาพระดับ มาตรฐานโลก แต่กลับถูกสินค้าปลอมแปลงคุณภาพต่ำจากที่อื่นกระทำชำเราทำลายชื่อเสียงให้ แปดเปื้อนมานาน

สินค้าคุณภาพเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกของสวิส มีตั้งแต่ นาฬิกา ชีส จนถึงมีดพก เช่นแบรนด์นาฬิกาหรูยี่ห้อดังอย่าง โรเล็กซ์,สวอตช์,ริชมอนด์ และมีดพกยี่ห้อวิคตอเรียน็อกซ์ที่คนไทยเราเมื่อได้ไปเที่ยวหรือไปเยี่ยม เยือนสวิสฯมักไม่พลาดที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับมาเป็นของฝากกัน ซึ่งสินค้าแบรนด์ดังเหล่านี้ก็มักถูกก๊อปปี้ลอกเลียนแบบผลิตขายกันอย่างหน้า ตาเฉย จนพวกเจ้าของกิจการสินค้าปลอมได้เงินไปเป็นกอบเป็นกำ โดยตลาดขายสินค้าก๊อบปี้แหล่งใหญ่ที่เป็นที่รู้กันทั่วโลกก็เห็นจะหนีไม่พ้น จีน

ใช่ว่าสวิสจะไม่มีกฎหมายควบคุมการละเมิดลิขสิทธิ์หรือควบคุม คุณภาพสินค้าที่ผลิตภายในประเทศของตัวเอง หากแต่กฎหมายที่มีใช้อยู่ในขณะนี้ยังมีความหละหลวมและไม่ได้ตระหนักถึงผล กระทบที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจของสวิสอย่างแท้จริงนัก

จากการรวบรวม ข้อมูลมาศึกษาวิเคราะห์ ทำให้รัฐบาลสวิสฯพบว่าการละเมิดสินค้าที่เป็นแบรนด์ของสวิสจริงๆนั้นมีอยู่ อย่างกว้างขวางและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยินดีที่จะจ่ายเงินแพงกว่าถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในการซื้อสินค้าที่ผลิตในสวิสจริงๆ

ฉะนั้น กฎหมายฉบับใหม่ที่รัฐบาลสวิสเตรียมนำเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาอนุมัติในต้นปี หน้านั้น จึงมีการกำหนดกฎระเบียบที่ควบคุมผลิตภัณฑ์สินค้าในสวิสอย่างเข้มข้นมากยิ่ง ขึ้น เช่น ข้อกำหนดให้ 60 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในสวิสฯจะต้องเพิ่มสูงขึ้น และในการที่ผู้ประกอบการจะขอตีตราป้ายสินค้าว่าผลิตในสวิสนั้น วัตถุดิบที่จะใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าตัวนั้นๆ จะต้องเป็นวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศสวิสมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ยกเว้นกรณีที่วัตถุดิบนั้นๆ ไม่มีอยู่ในประเทศจริงๆ

ส่วนอุตสาหกรรม การผลิตนาฬิกา ปัจจุบันกำหนดให้ผู้ประกอบการใช้ชิ้นส่วนนาฬิกาที่ผลิตในสวิสในสัดส่วนอย่าง น้อย 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปถึงจะได้มาตรฐานสวิส แต่ในกฎใหม่จะเสนอให้ใช้ส่วนประกอบนาฬิกาที่ผลิตภายในสวิสมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

แม้รายงานชิ้นนี้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ ผู้ประกอบการในสวิสก็ตามที แต่ก็น่าจะเป็นแง่คิดให้กับผู้ประกอบทุกราย ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใดก็ตามว่าควรจะยึดหลัก"คุณภาพ"ของสินค้าเป็นที่ตั้ง เมื่อนั้นแล้วเชื่อว่าสินค้าของคุณก็จะครองตลาดไปได้อย่างยาวนาน

ขอขอบคุณ
คอลัมน์ ไฮไลต์โลก
โดย มนต์ทิพย์ ธานะสุข
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11582 มติชนรายวัน หน้า13

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น